ทำไมเทพเจ้าถึงอ่อนแอลงได้?

เทพเจ้า

เทพเจ้าในหนังบางครั้งก็อ่อนแอลง ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุกาลเวลาที่ผ่านไป โชคชะตา หรือ กฎแห่งกรรม สิ่งเหล่านี้ทำไมถึงเกิดขึ้นได้กับเทพที่บรรลุสิ่งต่างๆ และมีพลังเหนือธรรมชาติได้ 

เพราะถ้าคิดง่ายๆ เวลาที่บรรลุไปแล้ว ทุกอย่างก็หลุดออกไปจากกฎของธรรมชาติเรียบร้อย ทำไมกลับถูกกฎของธรรมชาติจัดการอยู่อีก?

ทำไมเทพเจ้าถึงอ่อนแอลง?

เทพเจ้า “อ่อนแอลง” ได้ เพราะเทพเจ้าถูกสร้างขึ้นจากความเชื่อของมนุษย์ และสะท้อนธรรมชาติของมนุษย์เอง

  1. เทพเจ้าคือภาพสะท้อนของมนุษย์

ในหลายศาสนาและความเชื่อโบราณ เทพเจ้าไม่ได้ “สมบูรณ์แบบ” แบบพระเจ้าของศาสนาเทวนิยม (เช่น คริสต์ อิสลาม)

  • เทพเจ้ากรีก เช่น ซุส – โกรธ, หึง, เจ้าชู้, แก่
  • เทพนอร์ส เช่น โอดิน – แพ้ศึกในวันแร็กนาร็อก
  • เทพฮินดู – ต้องเกิดใหม่เพื่อรักษาสมดุลจักรวาล

เพราะสิ่งเหล่านี้ถูกสร้างจากจินตนาการของมนุษย์ในแต่ละยุค และมนุษย์เองก็อ่อนแอ → เทพเจ้าจึงไม่สมบูรณ์แบบเช่นกัน

  1. ตำนานเทพเจ้ามักต้อง “ล้ม – สู้ – ชนะ” เหมือนละครชีวิต

เทพเจ้าที่มีพลังตลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลงจะน่าเบื่อ

  • การที่เทพเจ้าล้มเหลว หรืออ่อนแอ → ทำให้คนรู้สึกใกล้ชิด
  • การที่เทพเจ้า “ฟื้นขึ้นมา” หรือ “ชนะความตาย” → ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ

ยิ่งในวัฒนธรรมที่เน้น “การต่อสู้” เช่น ตำนานนอร์ส – เทพเจ้าจะอ่อนแอลงเพื่อเข้าสู่วันสิ้นโลก แล้วเปิดทางให้โลกใหม่เริ่มต้น

  1. เทพเจ้าก็อยู่ภายใต้กฎของจักรวาล

ในบางตำนาน เทพเจ้าก็ไม่ได้ “อยู่เหนือกฎหมายของจักรวาล” เช่น

  • กฎแห่งกรรม – ในความเชื่อแบบฮินดู/พุทธ แม้เทพก็ต้องได้รับผลจากการกระทำของตน
  • โชคชะตา – เช่นในตำนานกรีก แม้ซุสจะเป็นราชาแห่งเทพ แต่ “ชะตากรรม” ก็ยังสูงกว่าเขา
  • กาลเวลา – เทพบางองค์แก่ลง, หมดพลัง, หรือหลีกเลี่ยงความตายไม่ได้
  1. เพราะอำนาจของเทพมาจาก “ความศรัทธา”

ในบางความเชื่อ เช่นในนิยาย/วรรณกรรม หรือแนวคิดแบบเทพเจ้ามีพลังมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับว่ามีมนุษย์บูชาหรือเชื่อในตัวเขามากแค่ไหน

ดังนั้นถ้าไม่มีใครไหว้ ไม่มีใครพูดถึง เทพเจ้านั้นก็จะ “อ่อนแอ” หรือ “เลือนหายไป”
เหมือนที่เทพบางองค์จากยุคโบราณกลายเป็นเพียงตำนานในตำรา

เทพเจ้าเพิ่มพลังให้กับตัวเองยังไง?

  1. จากความศรัทธาของมนุษย์ (Faith = Power)

แนวคิดนี้พบได้มากในตำนานยุคหลัง หรือในสื่อร่วมสมัย เช่น:

  • เมื่อมีคนบูชา สวดมนต์ ถวายของ → เทพเจ้าจะ “ได้รับพลังชีวิต” จากความศรัทธานั้น
  • ยิ่งมีคนเชื่อ ยิ่งมีพลัง / ถ้าไม่มีใครนับถือ เทพจะอ่อนแรงลง หรือแม้แต่สูญสลาย

ตัวอย่าง:

  • ซีรีส์ American Gods
  • นิยายแฟนตาซีหลายเรื่อง (เช่น เทพใน The Sandman, Neil Gaiman)
  • แนวคิด “ความศักดิ์สิทธิ์มีจริงเมื่อคนเชื่อว่าเป็นจริง”
  1. ฝึกฝนหรือผ่านบททดสอบ

ในตำนานเทพเจ้ากรีก อินเดีย หรือนอร์ส บางเทพเจ้าไม่ได้เกิดมาเก่ง แต่ต้อง “ผ่านการฝึกฝน” หรือ “ทำภารกิจ” ก่อนจะได้รับพลังระดับเทพ

ตัวอย่าง:

  • พระวิษณุ (ในศาสนาฮินดู) ลงมาจุติหลายภาคมาก เพื่อพัฒนาและรักษาสมดุลจักรวาล
  • เฮราคลีส (ลูกของซุส) ต้องฝ่าด่าน 12 ภารกิจจึงได้ขึ้นสวรรค์
  • ธอร์ ต้องเรียนรู้ความอ่อนน้อม จึงได้คืนพลังเทพในจักรวาล Marvel
  1. กินสิ่งวิเศษ / ดื่มน้ำอมฤต / ใช้ไอเทมศักดิ์สิทธิ์

เทพเจ้าหลายองค์ได้พลังจากสิ่งพิเศษ เช่น:

  • น้ำอมฤต (Amrita / Ambrosia) – น้ำแห่งความเป็นอมตะและพลัง
  • ผลไม้สวรรค์ / เห็ดศักดิ์สิทธิ์ / ดอกไม้พลังชีวิต
  • อาวุธเทพ เช่น ค้อนมโยลเนียร์ของธอร์, ตรีศูลของพระศิวะ
  • อัญมณี / แหล่งพลังจักรวาล เช่น ดวงตาแห่งรา หรือเพชรแห่งกาลเวลา
  1. แย่งชิงจากสิ่งมีพลังอื่น

เทพเจ้าหลายองค์ในตำนาน “ไม่ได้รับพลัง — แต่แย่งมา”
การเอาชนะปีศาจ, สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเทพเจ้าองค์อื่น อาจทำให้ได้รับพลังเพิ่ม เช่น:

  • โอดิน แห่งนอร์ส ยอมแขวนตัวเองบนต้นอิกดราซิล 9 วัน เพื่อแลกกับ “พลังแห่งปัญญา” (รูน)
  • พระนารายณ์ ปราบอสูรและดูดซับพลังของพวกมัน เพื่อคืนสมดุล
  • เทพบางองค์ ฆ่าเทพองค์อื่นและยึดตำแหน่ง เช่น เซตในตำนานอียิปต์
  1. การหลอมรวมพลังของตนเองกับจักรวาล

นี่คือแนวคิดแบบสูง (มักอยู่ในศาสนาหรือปรัชญา) เช่น:

  • เทพเจ้าสามารถเข้าฌาน, เชื่อมกับจักรวาล, หรือควบคุมกฎธรรมชาติ
  • บางองค์ “ไม่ต้องการของนอกกาย” แต่อาศัยสภาวะภายในที่ตื่นรู้ → ยิ่งสูงส่ง ยิ่งทรงพลัง

ตัวอย่าง:

  • พระศิวะในฮินดู – บำเพ็ญฌานจนบรรลุพลังทำลาย–สร้าง
  • บางเทพเจ้าญี่ปุ่น เช่น อามาเทราสึ – เพิ่มพลังจากแสงในตัวเอง

ส่วนใครมีเทพที่เคารพก็อย่าลืมขอหวยแล้วมาเอาอัตราจ่ายจุกที่ หวยไว Global Lotto นะครับ